เข้าใจเลเวอเรจกับ Exness ในประเทศไทย เพื่อการเทรดที่สมดุล

เลเวอเรจคืออะไร และทำไมถึงสำคัญสำหรับคุณ

เลเวอเรจ (Leverage) คือการยืมทุนจากเราเพื่อควบคุมขนาดการเทรดที่ใหญ่กว่าทุนจริงของคุณ สมมติว่าคุณมีทุน 1,000 บาท และใช้เลเวอเรจ 1:100 คุณก็จะสามารถเทรดได้เหมือนมีทุน 100,000 บาท เห็นไหมว่านี่ช่วยเพิ่มโอกาส แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

บนแพลตฟอร์มของเรา Exness ในประเทศไทย เราเสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 ซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่จากประสบการณ์ของเรา ผู้เทรดส่วนใหญ่มักจะไม่เลือกใช้เลเวอเรจสูงสุดทันที เพราะมันต้องใช้การบริหารความเสี่ยงที่ดี

วิธีตั้งค่าเลเวอเรจบนแพลตฟอร์ม Exness

ตอนเปิดบัญชี คุณจะต้องเลือกเลเวอเรจตั้งแต่ 1:1 ถึง 1:2000 แนะนำว่าควรเลือกตามสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่รับได้ ไม่ใช่แค่เลือกสูงสุดเท่านั้น

หลังจากเปิดบัญชีแล้ว คุณสามารถเปลี่ยนเลเวอเรจได้ง่าย ๆ ผ่าน Personal Area โดยเข้าไปที่ “บัญชีของฉัน” เลือกบัญชีที่ต้องการ และกดตั้งค่าเพื่อปรับระดับเลเวอเรจตามต้องการ

ประเภทบัญชีและเลเวอเรจที่เหมาะสม

การคำนวณมาร์จิ้นและวิธีเข้าใจเลเวอเรจในทางปฏิบัติ

คำนวณมาร์จิ้น = (ขนาดการเทรด × ขนาดสัญญา × ราคาตลาด) ÷ เลเวอเรจ

เช่น ถ้าคุณเทรด 0.1 ล็อต USD/THB ที่ราคา 35.50 บาท และใช้เลเวอเรจ 1:100

• 0.1 × 100,000 × 35.50 ÷ 100 = 3,550 บาท

นั่นหมายความว่าคุณต้องมีเงิน 3,550 บาทเป็นมาร์จิ้นเพื่อเปิดออเดอร์นี้ แต่คุณจะสามารถควบคุมมูลค่าการเทรดได้ถึง 355,000 บาทเลยทีเดียว

ระบบเลเวอเรจแบบไดนามิก

แพลตฟอร์มของเราใช้ระบบเลเวอเรจไดนามิก เพื่อควบคุมความเสี่ยงตามขนาดการเทรด:

• เทรดไม่เกิน $200,000: เลเวอเรจเต็ม
• เทรด $200,000-$500,000: เลเวอเรจลดลงเหลือ 1:200
• เกิน $500,000: ลดเลเวอเรจเพิ่มเติม

ระบบนี้ทำงานอัตโนมัติ คุณไม่ต้องตั้งค่าเอง แต่ควรเข้าใจว่ามันมีผลต่อการวางแผนเทรด

จัดการความเสี่ยงเมื่อใช้เลเวอเรจสูง

เลเวอเรจสูงหมายความว่ากำไรและขาดทุนจะถูกคูณตามขนาดการเทรดเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เงินทุนที่คุณใส่เข้าไป ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงสำคัญมาก

คำแนะนำเรื่องขนาดการเปิดออเดอร์

1. อย่าเสี่ยงเกิน 2-3% ของทุนในแต่ละการเทรด
2. ใช้คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss) ทุกครั้ง
3. เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจต่ำ เช่น 1:50 หรือ 1:100 จนกว่าจะชำนาญ

ระดับ Margin Call และ Stop Out

บนแพลตฟอร์มของเรา คุณจะได้รับคำเตือน Margin Call เมื่อระดับมาร์จิ้นลดลงถึง 60% และ Stop Out เมื่อถึง 20% ระบบจะปิดตำแหน่งให้โดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการสูญเสียเกินควบคุม

เลเวอเรจแบบต่าง ๆ ที่เหมาะกับเทรดเดอร์ไทย

เราเข้าใจว่าคนไทยมีสไตล์การเทรดที่หลากหลาย เลยมีเลเวอเรจให้เลือกหลายระดับตามความเหมาะสม

ข้อควรรู้เกี่ยวกับเลเวอเรจในสินทรัพย์ต่าง ๆ

เลเวอเรจไม่ได้เหมือนกันทุกสินทรัพย์ เราจำกัดเพื่อความปลอดภัยและสอดคล้องกับลักษณะตลาด

• ฟอเร็กซ์: เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 บางคู่เงินอาจต่ำลงเล็กน้อย
• สินค้าโภคภัณฑ์และดัชนี: จำกัดสูงสุด 1:1000 สำหรับทองคำ, 1:500 สำหรับน้ำมัน, 1:200 สำหรับดัชนี
• คริปโตเคอร์เรนซี: เลเวอเรจต่ำ เช่น 1:10 เนื่องจากความผันผวนสูง

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่เทรดเดอร์ไทยมักเจอเวลาใช้เลเวอเรจ

จากที่เราสังเกตเห็น มีข้อผิดพลาดที่ทำให้หลายคนเสียเงินโดยไม่จำเป็น

1. เลือกใช้เลเวอเรจสูงสุดทันทีโดยไม่ได้วางแผน
2. ไม่ตรวจสอบมาร์จิ้นที่ต้องใช้ก่อนเปิดออเดอร์
3. ไม่ปรับขนาดล็อตให้เหมาะสมกับเลเวอเรจที่เลือก

กับดัก “รวยเร็ว” ที่ควรระวัง

เลเวอเรจสูงไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้กำไรเร็วขึ้น แต่มันเพิ่มโอกาสขาดทุนเร็วขึ้นด้วย ถ้าไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี คุณอาจสูญเสียทุนทั้งหมดได้ในเวลาไม่นาน

ตัวอย่างการใช้เลเวอเรจจริงบนแพลตฟอร์มของเรา

ลองดูสองตัวอย่างนี้เพื่อเข้าใจภาพรวมของเลเวอเรจและผลกระทบต่อพอร์ตของคุณ

ตัวอย่าง 1: การเทรดแบบอนุรักษ์นิยม

ในกรณีนี้ คุณมีพื้นที่ปลอดภัยพอสมควรที่จะรับความผันผวนโดยไม่โดน Margin Call ง่าย ๆ

ตัวอย่าง 2: การเทรดแบบก้าวร้าว (ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่)

เห็นไหมว่าความเสี่ยงต่อจุดเพิ่มขึ้นมาก แม้จำนวนมาร์จิ้นจะใกล้เคียงกัน ก็คือความเสี่ยงสูงขึ้นตามเลเวอเรจที่ใช้

เลเวอเรจและจิตวิทยาการเทรดที่ต้องเข้าใจ

เลเวอเรจไม่ได้มีผลแค่เรื่องเงินทุน แต่มันยังส่งผลต่อวิธีคิดและการตัดสินใจของคุณด้วย

ผลกระทบทางจิตใจ

• ความมั่นใจมากเกินไปในช่วงทำกำไร
• ความตื่นตระหนกในช่วงขาดทุน
• การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะความเครียด
• เสี่ยงติดกับดักเทรดความเสี่ยงสูง

วิธีจัดการความเครียดที่เกิดจากเลเวอเรจ

1. กำหนดขีดจำกัดการขาดทุนรายวันและยึดมั่น
2. เลือกขนาดล็อตที่ทำให้คุณนอนหลับสบาย
3. เน้นเป้าหมายผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่จำนวนเงิน
4. จดบันทึกการเทรดและอารมณ์ เพื่อวิเคราะห์ตัวเอง