จัดการ Account types กับ Exness ในประเทศไทยอย่างมืออาชีพ

เข้าใจและเลือกประเภทบัญชีที่ใช่สำหรับคุณกับแพลตฟอร์ม Exness ที่ออกแบบมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

ทำไมการเลือก Account types ที่เหมาะสมถึงสำคัญสำหรับคุณ

ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นกับ Exness หรือกำลังมองหาบัญชีใหม่ให้ตัวเอง การเข้าใจประเภทบัญชีบนแพลตฟอร์มของเราคือเรื่องที่ควรทำก่อนจะเริ่มเทรดจริงๆ บางทีคุณอาจเคยได้ยินคำว่า Standard, Pro หรือ Raw Spread แต่ละบัญชีมีจุดเด่นและวิธีใช้งานที่ต่างกันมากกว่าที่คิด

จากประสบการณ์ของเรากับผู้ใช้ในไทย บัญชีที่เหมาะสมจะช่วยลดความสับสนและจัดการความเสี่ยงได้ดีกว่า อีกทั้งยังช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนได้จริง

ประเภทบัญชี เหมาะกับ
Standard มือใหม่และผู้เริ่มต้น
Pro เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
Raw Spread นักเทรดมืออาชีพ
Zero เทรดเดอร์ที่เน้นปริมาณมาก
Cent ทดสอบกลยุทธ์และความเสี่ยงต่ำ

การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมไม่ได้แค่ช่วยคุณเทรดได้ดีขึ้น แต่ยังทำให้การจัดการเงินทุนและความเสี่ยงมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

บัญชี Standard – จุดเริ่มต้นที่ได้รับความนิยมมากในไทย

มาตรฐานของเราที่คนไทยส่วนใหญ่เริ่มต้นกัน คือบัญชี Standard ที่มีสเปรดเริ่มต้นแค่ 0.3 pips บนคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD และไม่มีค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเริ่มฝากเงินขั้นต่ำแค่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 350 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าสบายกระเป๋าสำหรับมือใหม่

ฟีเจอร์เด่นของบัญชี Standard

  • เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 (แต่แนะนำให้เริ่มต่ำๆ ก่อน)
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น — ทุกอย่างรวมอยู่ในสเปรดแล้ว
  • การดำเนินการคำสั่งแบบ Market Execution
  • เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มเทรดแบบไม่ซับซ้อน

น่าเสียดายที่บางครั้งอาจมีการสลิปเพจเล็กน้อยในช่วงตลาดผันผวน แต่ก็เป็นเรื่องปกติในวงการเทรดอยู่แล้ว

บัญชี Pro – สำหรับคนที่ต้องการสเปรดแคบและเทรดหนักขึ้น

ถ้าคุณรู้สึกว่าบัญชี Standard ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะต้องการสเปรดที่แคบกว่าและมีต้นทุนต่ำกว่า บัญชี Pro คือคำตอบที่ดีสำหรับคุณ

สเปรดเริ่มต้นแค่ 0.1 pips และยังคงไม่มีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม แต่ต้องมีเงินฝากเริ่มต้นที่ 200 ดอลลาร์ หรือประมาณ 7,000 บาท ซึ่งเหมาะกับคนที่พร้อมลงทุนมากขึ้น

รายละเอียดบัญชี Pro

ฟีเจอร์ รายละเอียด
เงินฝากขั้นต่ำ $200 USD
สเปรดเริ่มต้น 0.1 pips
เลเวอเรจสูงสุด 1:2000
ประเภทการดำเนินการ Market Execution
ค่าคอมมิชชั่น ไม่มี

Pro เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความรวดเร็วและต้นทุนต่ำโดยไม่ต้องยุ่งยากกับค่าคอมมิชชั่น

Raw Spread – สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความโปร่งใสและราคาดีสุด

Raw Spread ของเรามีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips และเป็นบัญชีแบบ ECN ที่ส่งคำสั่งตรงถึงผู้ให้สภาพคล่องจริงๆ แต่จะมีค่าคอมมิชชั่น $3.50 ต่อ 1 ล็อตต่อข้าง (รวม $7 ต่อรอบการเทรด)

นี่หมายความว่าคุณจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นแทนสเปรด แต่อย่างที่เราเห็นกัน บัญชีนี้เหมาะกับคนที่เทรดปริมาณมากและต้องการราคาที่ดีที่สุด

ข้อดีของ Raw Spread

  • การดำเนินการแบบ ECN ที่รวดเร็วและแม่นยำ
  • ไม่มีรีโควต (No requotes)
  • ราคาที่โปร่งใสและใกล้เคียงกับตลาดจริง
  • เหมาะกับคนที่เข้าใจโครงสร้างค่าคอมมิชชั่น

เงินฝากขั้นต่ำเท่ากับบัญชี Pro คือ 200 ดอลลาร์ ถือว่าเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่จริงจัง

บัญชี Zero – ตัวเลือกใหม่สำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นปริมาณมาก

บัญชี Zero มีสเปรดเป็นศูนย์ในช่วงเวลาตลาดที่มีสภาพคล่องสูงสำหรับคู่เงินหลักกว่า 30 คู่ แต่จะมีค่าคอมมิชชั่น $3.50 ต่อล็อตต่อข้างเหมือน Raw Spread

ถ้าคุณทำกลยุทธ์แบบ high-frequency หรือ scalping บัญชีนี้ให้ต้นทุนที่คาดการณ์ได้และช่วยให้เทรดได้คล่องตัว

เหมาะกับใคร?

  • นักเทรดที่ทำ volume สูงบ่อยครั้ง
  • ต้องการต้นทุนที่คงที่และคาดการณ์ได้
  • ผู้ที่สามารถฝากเงินขั้นต่ำสูงกว่า คือ $500 USD (ประมาณ 17,500 บาท)

Cent Account – สำหรับคนที่อยากลองเล่นจริงแต่ความเสี่ยงต่ำ

บัญชี Cent เหมาะกับคนที่อยากลองเทรดในสภาพแวดล้อมจริง แต่ไม่อยากเสี่ยงเงินก้อนใหญ่ บัญชีนี้ใช้หน่วยเงินเป็นเซน (1 lot = 1,000 หน่วย) ช่วยให้เปิดตำแหน่งเล็กๆ ได้สบายใจ

ข้อดีของ Cent Account

  • เงินฝากขั้นต่ำแค่ $1 USD (ประมาณ 35 บาท)
  • สเปรดเหมือนบัญชี Standard
  • รองรับทั้ง MT4 และ MT5
  • เหมาะสำหรับทดสอบกลยุทธ์และ Expert Advisors

เปรียบเทียบ Account types อย่างเข้าใจง่าย

ประเภทบัญชี เงินฝากขั้นต่ำ สเปรดเริ่มต้น ค่าคอมมิชชั่น เหมาะกับ
Standard $10 0.3 pips ไม่มี มือใหม่
Pro $200 0.1 pips ไม่มี เทรดเดอร์มีประสบการณ์
Raw Spread $200 0.0 pips $3.50/ล็อต/ข้าง มืออาชีพ
Zero $500 0.0 pips* $3.50/ล็อต/ข้าง เทรดปริมาณมาก
Cent $1 0.3 pips ไม่มี ทดสอบกลยุทธ์

*สเปรดศูนย์ในช่วงเวลาการซื้อขายที่กำหนด

เลือกใช้ MT4 หรือ MT5 ดี? คำถามที่หลายคนสงสัย

ทั้งสองแพลตฟอร์มมีข้อดีในตัวเอง และเลือกได้ตามสไตล์การเทรดของคุณ:

MT4 เหมาะกับ

  • ผู้ที่เน้นเทรดฟอเร็กซ์เป็นหลัก
  • มีเครื่องมืออัตโนมัติ (EA) ให้เลือกเยอะ
  • อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
  • ชุมชนผู้ใช้ใหญ่และมีบทเรียนมากมาย

MT5 เหมาะกับ

  • เทรดหลายสินทรัพย์ เช่น CFDs, หุ้น และฟอเร็กซ์
  • มีตัวชี้วัดและกรอบเวลามากกว่า
  • รองรับคำสั่งที่ซับซ้อนและการทำงานที่เร็วขึ้น

จากที่เราเห็น เทรดเดอร์ไทยส่วนใหญ่ยังคงเลือก MT4 เพราะความคุ้นเคยและความเรียบง่าย แต่ถ้าคุณต้องการเทรด CFD ควบคู่ไปด้วย MT5 น่าจะเหมาะกว่า

ขั้นตอนง่ายๆ ในการเปิดบัญชี Exness สำหรับชาวไทย

เราออกแบบขั้นตอนการสมัครให้สะดวกและรวดเร็วสำหรับคนไทย ดังนี้:

  1. เข้าเว็บไซต์ Exness แล้วคลิก “เปิดบัญชีใหม่”
  2. เลือกประเทศเป็น “ประเทศไทย” เพื่อให้ระบบแสดงตัวเลือกการฝาก-ถอนที่เหมาะสม
  3. กรอกอีเมลที่ใช้งานจริง และตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง
  4. กรอกข้อมูลส่วนตัวเบื้องต้น ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
  5. ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไทย
  6. อัปโหลดหลักฐานที่อยู่ เช่น ใบแจ้งค่าไฟหรือใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร

โดยปกติแล้วการยืนยันเอกสารจะเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นคุณก็พร้อมเริ่มเทรดได้ทันที

เอกสารที่ต้องเตรียม

  • อีเมลที่ใช้งานจริง
  • บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไทย
  • หลักฐานที่อยู่ เช่น ใบแจ้งค่าไฟ หรือใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร
  • รหัสผ่านที่มีความปลอดภัย

ช่องทางฝากเงินสำหรับคนไทยที่ใช้งานได้ดี

Exness สนับสนุนหลายช่องทางฝากเงินที่เหมาะกับผู้ใช้ในประเทศไทย ดังนี้:

โอนเงินผ่านธนาคาร

  • โอนผ่านธนาคารไทยภายในประเทศ
  • โอนผ่านธนาคารระหว่างประเทศ
  • เวลารอเงินเข้าบัญชีประมาณ 1-3 วันทำการ

อีวอลเล็ตยอดนิยม

  • Skrill
  • Neteller
  • Perfect Money
  • WebMoney

ฝากผ่านคริปโตเคอร์เรนซี

  • Bitcoin, Ethereum, Tether (USDT)
  • เงินเข้าบัญชีภายใน 1 ชั่วโมงโดยประมาณ

โดยขั้นต่ำการฝากเงินจะแตกต่างกันไปตามประเภทบัญชี แต่ส่วนใหญ่เริ่มที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป

เครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่มีให้ทุก Account types

ไม่ว่าคุณจะใช้บัญชีประเภทไหน เราก็มีฟีเจอร์ช่วยจัดการความเสี่ยงให้คุณอย่างครบถ้วน:

คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit

  • ตั้งค่าได้ทั้งตอนเปิดคำสั่งและแก้ไขทีหลัง
  • ไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะห่างจากราคาปัจจุบัน

การป้องกันยอดคงเหลือติดลบ

  • บัญชีของคุณจะไม่ติดลบเกินศูนย์
  • บริษัทรับผิดชอบส่วนที่ติดลบ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแม้ตลาดผันผวนมาก

Margin Call และ Stop Out

  • แจ้งเตือนที่ระดับ 60% ของมาร์จิ้น
  • ปิดคำสั่งอัตโนมัติเมื่อมาร์จิ้นเหลือ 0%
  • ติดตามสถานะมาร์จิ้นแบบเรียลไทม์ในแพลตฟอร์ม

เลือก Account types อย่างไรให้เหมาะกับตัวคุณในไทย

สรุปง่ายๆ จากที่เราเห็นคือ:

  • มือใหม่ควรเริ่มที่บัญชี Cent เพื่อความเสี่ยงต่ำและเรียนรู้ตลาดจริง
  • คนที่เทรดบ่อยและมีประสบการณ์ระดับกลางไปใช้บัญชี Pro จะได้สเปรดที่ดีกว่า
  • นักเทรดมืออาชีพหรือเทรดเดอร์ที่เน้นปริมาณมากควรเลือก Raw Spread หรือ Zero เพื่อราคาที่โปร่งใสและต้นทุนที่ต่ำสุด

เรายังแนะนำให้ใช้หลายบัญชีพร้อมกัน เช่น บัญชี Cent สำหรับทดลอง และบัญชี Pro หรือ Raw Spread สำหรับเทรดจริง เพื่อจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้ดีขึ้น

จัดการบัญชีและอัปเกรดด้วยตัวเองได้ง่ายๆ

คุณสามารถสร้างบัญชีได้หลายประเภทภายใน Personal Area ของเรา และย้ายเงินระหว่างบัญชีได้ทันทีโดยไม่มีค่าธรรมเนียม

สิ่งที่ทำได้ใน Personal Area

ฟีเจอร์ คำอธิบาย
สร้างบัญชีใหม่ เปิดบัญชีประเภทต่างๆ ได้ไม่จำกัด
โอนเงินภายใน ย้ายเงินระหว่างบัญชีของคุณเองได้ทันที
ตั้งค่าเลเวอเรจ ปรับเลเวอเรจสำหรับแต่ละบัญชีได้ตามต้องการ
ฝาก-ถอนเงิน จัดการธุรกรรมด้วยตัวเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณใช้งานสะดวกและลดความยุ่งยากในการจัดการหลายบัญชี

เวลาการเทรดและช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย

ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ว่าแต่ละช่วงเวลาจะเหมาะกับกลยุทธ์และสินทรัพย์ต่างกัน

ช่วงเวลาซื้อขายหลัก (เวลาประเทศไทย ICT)

  • ซิดนีย์: 5:00 น. – 14:00 น.
  • โตเกียว: 7:00 น. – 16:00 น.
  • ลอนดอน: 14:00 น. – 23:00 น.
  • นิวยอร์ก: 20:00 น. – 5:00 น. (วันรุ่งขึ้น)

ช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกันจะมีสภาพคล่องสูงสุด และสเปรดจะตึงที่สุดในทุกประเภทบัญชี

❓ FAQ

เปลี่ยนประเภทบัญชีได้ไหมหลังสมัครแล้ว?

คุณไม่สามารถเปลี่ยนประเภทบัญชีที่เปิดแล้วได้ แต่สามารถสร้างบัญชีใหม่ประเภทอื่นได้ง่ายๆ ผ่าน Personal Area ของคุณ

ความแตกต่างระหว่าง Market Execution กับ ECN Execution คืออะไร?

Market Execution (Standard, Pro) หมายถึงเราจะเป็นผู้กำหนดราคาและดำเนินการคำสั่ง ส่วน ECN Execution (Raw Spread) คำสั่งของคุณจะถูกส่งตรงไปยังผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้ได้ราคาที่โปร่งใสและรวดเร็วกว่า

ชาวไทยมีข้อจำกัดอะไรบ้างไหม?

ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ นอกจากขั้นตอนยืนยันตัวตนและที่อยู่ตามกฎหมาย KYC ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล

บัญชีทั้งหมดสามารถเทรดคริปโตได้ไหม?

ใช่ ทุกประเภทบัญชีรองรับการเทรดคริปโตเคอร์เรนซีในรูปแบบ CFD ตามโครงสร้างสเปรดและค่าคอมมิชชั่นของแต่ละบัญชี

จะคำนวณต้นทุนการเทรดยังไงในบัญชีที่มีค่าคอมมิชชั่น?

สำหรับบัญชี Raw Spread และ Zero ให้บวกสเปรดกับค่าคอมมิชชั่น $7 ต่อ 1 ล็อต ซึ่งเทียบเท่าประมาณ 0.7-0.8 pips รวมต้นทุนทั้งหมด

จำกัดจำนวนบัญชีที่เปิดได้ไหม?

คุณสามารถเปิดบัญชีได้สูงสุด 200 บัญชีภายใต้ Personal Area เดียวกัน ซึ่งเพียงพอสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ